
‘10 คลินิกตัดกระเพาะลดอ้วน’ ข้อมูลแน่น รักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ประจำปี 2020
ปัจจุบันนี้พฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนอย่างมาก มีการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบแข่งกับเวลามากขึ้น ทำให้การทานอาหารเปลี่ยนไป จากที่มีเวลาทานอาหารมีประโยชน์ กลับต้องเลือกทานอาหารแบบง่าย ๆ จากร้านสะดวกซื้อ หรือบางทีก็เลือกเป็นฟาสต์ฟูดส์ที่สั่งง่าย ได้เร็ว แต่หารู้ไม่ว่า อาหารพวกนี้เต็มไปด้วยแป้งและไขมัน และถ้าไม่ได้ทานผักผลไม้ หรือออกกำลังกายควบคู่ ก็ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรืออ้วนมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งปัญหาความอ้วนนั้นเป็นปัญหาที่หลายคนกำลังเผชิญ โดยผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาก มีภาวะอ้วน อ้วนมาก และผู้ที่พยายามลดน้ำหนักอย่างเต็มที่แล้ว แต่กลับมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจมีปัญหาสุขภาพตามมา วิธีแก้ปัญหาด้วยการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดความอ้วน เป็นอีกวิธีทางการแพทย์ในปัจจุบันที่จะแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด วันนี้เราจึงรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการรักษา พร้อมทั้ง ‘10 คลินิกตัดกระเพราะลดอ้วน’ รักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำ เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือก จะมีข้อมูลน่าสนใจแบบไหนบ้าง มาศึกษาไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
โรคอ้วนคืออะไร? เกิดจากสาเหตุใด?
โรคอ้วน หรือ ภาวะอ้วน คือ การที่น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน เกิดจากร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินกว่าที่ร่างกายจะเผาผลาญออกไป หรือมีไขมันสะสมมากเกินกว่าปกติ ซึ่งน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ภาวะอ้วน โรคอ้วนเกิดได้หลายสาเหตุ ได้แก่
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การขาดการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การเคลื่อนไหวตัวน้อย ทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่และไขมันได้น้อย ส่งผลให้เกิดการสะสมมากขึ้น รวมทั้งการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วยเช่นกัน
- พฤติกรรมการทาน การเกิดภาวะอ้วน มักเกิดจาการทานอาหารที่มีแคลอรี่สูงอย่างเป็นประจำ หรือทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาล ไขมันมากเกินกว่าความต้องการของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมหวาน จึงควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า เช่น ผักและผลไม้ที่ไม่หวานเกินไป
- อายุ ความอ้วนเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย แต่เมื่ออายุมากขึ้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มีการเคลื่อนไหวน้อยลง ทำให้ใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งผู้หญิงและผู้ชายที่มีอายุเกิน 35 ปี ขึ้นไป มักเกิดการอ้วนง่าย เนื่องจากอยู่ในวัยทำงาน มีการทานอาหารเยอะเพื่อชดเชยพลังงานที่ใช้ไป
- เพศ โดยปกติผู้หญิงมักอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย
- พันธุกรรม มีผลต่อปริมาณไขมันที่สะสมในร่างกาย เนื่องจากในแต่ละคนจะมีความสามารถในการเผาผลาญพลังงานแตกต่างกัน เช่น บางคนเผาเผลาญได้น้อย บางคนเผาผลาญได้มาก
- จิตใจและอารมณ์ ในบางคนอาหารการกินขึ้นอยู่กับจิตใจและอารมณ์ เช่น เมื่อมีความเครียดก็อาจกินเยอะมากขึ้นกว่าปกติ หรือกินน้อยลงแตกต่างกันไปแต่ละคน
วิธีแก้ปัญหา ‘โรคอ้วน หรือ น้ำหนักตัวเกิน’
การแก้ปัญหาโรคอ้วน หรือมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายในระดับปานกลาง หรือประมาณ 60 – 80% ของ Maximal heart rate อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน ทำ 5 วันต่อสัปดาห์
- การควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่ถูกต้อง มีคุณค่าสารอาหาร โดยทานอาหารวันละไม่เกิน 800 – 1,200 kcal / วัน ซึ่งในส่วนนี้ควรสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
- การรักษาด้วยยา วิธีนี้เป็นวิธีที่ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะยาลดน้ำหนักไม่ใช่ยาที่บุคคลทั่วไปจะใช้ได้ เพราะยาประเภทนี้มักจะกระตุ้นเมตาบอลิซึมบางอย่างเกินปกติ
- การรักษาด้วยการผ่าตัดกระเพาะอาหาร เป็นวิธีที่ต้องได้รับคำแนะนำ มีการปรึกษา และวิเคราะห์อย่างละเอียดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
‘การผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน’ คืออะไร?
การผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน เป็นการผ่าตัดลดขนาดของกระเพาะอาหารให้เล็กลงกว่าเดิม ซึ่งอาจมีการผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนทางเดินอาหารใหม่ ทำให้การดูดซึมอาหารลดลง โดยทั้ง 2 กลไกลนี้จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักลดลง ซึ่งการผ่าตัดกระเพาะอาหาร เพื่อลดน้ำหนัก ลดความอ้วน เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคอ้วน ที่ไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยตัวเองและมีโรคแทรกซ้อน ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต
‘การผ่าตัดกระเพราะลดความอ้วน’ เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 40 เนื่องจากจะวัดจากเกณฑ์น้ำหนักตัวในการตัดสินใจไม่ได้ ต้องใช้ค่าดัชนีมวลกายในการวัดเพื่อความแม่นยำและถูกต้อง
- ผู้ที่มีดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กก. ต่อ ตร.ม. ซึ่งมีโรคที่เกิดจากโรคอ้วนร่วมด้วย เช่น เบาหวาน, ความดัน, มีอาการหยุดหายใจขณะหลับ
วิธี ‘การผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน’ มีกี่วิธี? อะไรบ้าง?
โดยทั่วไปการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดความอ้วน จะมี 2 วิธีหลัก ๆ คือ
1.วิธีการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักแบบสลีฟ (Laparoscopic Sleeve Gastrectomy) เป็นวิธีผ่าตัดลดขนาดกระเพาอาหารให้เล็กลงอย่างเดียว ซึ่งขนาดกระเพาะอาหารหลังการผ่าตัดต้องมีความเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย โดยกระเพาะอาหารส่วนที่ตัดออกไปจะเป็นส่วนผลิตฮอร์โมนให้หิว ดังนั้นวิธีนี้จะมีผลเรื่องการลดปริมาณอาหารเข้าสู่ร่างกาย และมีการปรับฮอร์โมน การผ่าตัดวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่อ้วนมากและไม่สามารถทำการผ่าตัดแบบบายพาส
ข้อดี
- ช่วยให้รู้สึกหิวน้อยลง เนื่องจากมีการผ่าตัดนำส่วนที่ผลิตฮอร์โมนควบคุมความหิวออกไป
- ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีความรวดเร็ว โดยเมื่อพ้นระยะการปรับตัว ผู้รักษาจะทานอาหารได้ตามปกติ แต่ทานได้ในปริมาณน้อยลงมาก
- วิธีนี้เป็นการช่วยบรรเทาอาการของโรคเรื้อรังที่เกิดจากความอ้วน เช่น เบาหวาน, ความดัน เป็นต้น
ข้อเสีย
- วิธีนี้ไม่สามารถทำกับผู้ที่เป็นกรดไหลย้อนได้ และไม่เหมาะกับผู้ที่เคยปรับขนาดกระเพาะด้วยการใส่ห่วงมาก่อน
- ความเสี่ยงมีมากขึ้น หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญพอ หรือผู้ที่รับการรักษามีน้ำหนักตัวมากเกินโดยไม่เตรียมตัวก่อน
- ในช่วงสองอาทิตย์แรกหลังผ่าตัดใหม่ ต้องทานอาหารเหลวก่อนเท่านั้น
2.วิธีการผ่าตัดกระเพาะแบบบายพาส (Laparoscopic Gastric Bypass) เป็นวิธีผ่าตัดรูปแบบมาตรฐานที่สุด โดยจะเป็นการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร ร่วมกับการทำทางเดินอาหารใหม่ ทำให้ลดการดูดซึม ลดปริมาณแคลอรี่ และปรับฮอร์โมน เป็นวิธีที่ทำให้กระเพาะไม่เกิดแรงดันสูง เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน หรือไม่สามารถทำการผ่าตัดแบบสลีฟได้ วิธีนี้เป็นวิธีผ่าตัดที่มีขั้นตอนมาก และใช้เวลาในการผ่าตัดมากกว่า แต่สามารถลดน้ำหนักได้มากและนาน
ข้อดี
- ช่วยทำให้รู้สึกหิวน้อยลง เป็นวิธีลดน้ำหนักได้มากที่สุด
- สามารถรักษาโรคเบาหวานได้ ในรายที่พึ่งเป็นไม่นาน และยังเป็นไม่มากนัก
วิธีผ่าตัดนี้เป็นทางเลือกการแก้ไขกรณีผ่าตัดแบบอื่น ๆ ไม่ข้อเสีย
- ได้ผล
- เป็นวิธีการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน มีหลายจุด ใช้ระยะเวลานาน
- อาจมีโรคแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด หาแพทย์ผู้รักษาเชี่ยวชาญไม่มากพอ
- วิธีนี้พบปัญหาการดูดซึมสารอาหารในบางราย แก้โดยทานวิตามิน อาหารเสริมตามคำแนะนำของแพทย์
ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ‘การผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน’
- ผู้ที่ต้องการผ่าตัดกระเพาะอาหาร เพื่อลดน้ำหนัก ต้องมีการตรวจดัชนีมวลกาย หรือ BMI ก่อนทุกครั้ง เพื่อประเมินว่ามีภาวะโรคอ้วนหรือไม่ โดยหากได้ลองลดน้ำหนัก คุมอาหาร หรือมีการออกกำลังกายอย่างเต็มที่แล้ว แต่น้ำหนักยังไม่ลดได้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำสำหรับการผ่าตัด
- ต้องมีการพยายามลดน้ำหนักด้วยตัวเองก่อนอย่างน้อย 5 – 10% เพื่อให้ผ่าตัดปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- โดยปกติการผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน จะเป็นการผ่าตัดโดยการส่องกล้อง ทำให้แผลมีขนาดเล็กประมาณ 2 – 3 นิ้ว มีความเจ็บน้อย สามารถฟื้นตัวได้ไว
- ในการผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน ควรปรึกษาและดูแลรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คลินิก และโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานการรับรอง มีคุณภาพ และความปลอดภัย
วิธีการเตรียมตัว ‘ก่อน’ เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะ ลดความอ้วน
- มีการตรวจร่างกายอย่างละเอียดด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างน้อยก่อน 2 อาทิตย์ เพื่อเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- รับคำแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการจากแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งควรลดน้ำหนักเองก่อน 3 – 5 กก. และต้องทดสอบสภาวะจิตใจเพื่อทดสอบความพร้อมในการทำ และมีความพร้อมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านการทานอาหาร หลังการผ่าตัด
- หยุดการสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 อาทิตย์ และต้องหยุดหลังผ่าตัด เพื่อลดความเสี่ยง
- ประเมินภาวะของโรคที่เป็นอยู่ เพื่อตรวจเช็คว่าสามารถควบคุมและเข้าผ่าตัดได้
- แจ้งแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องการทานยาหรืออาหารเสริม ว่าต้องหยุดทานตัวไหนหรือไม่
โดยผู้ที่ต้องการเข้ารับการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง
การดูแล ‘หลัง’ การผ่าตัดกระเพาะ ลดความอ้วน
- หลังการผ่าตัดจะได้รับการควบคุมอาหารทันที เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
- เนื่องจากเป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้อง จึงสามารถฟื้นตัวได้ไว สามารถพักฟื้นที่โรงพยาบาล 1 – 2 คืน แล้วกลับบ้านได้ ซึ่งต้องฟังคำแนะนำ และอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย
· มาพบแพทย์ให้ตรงตามนัดทุกครั้ง
‘10 คลินิกตัดกระเพาะลดอ้วน’ ปี 2020 หุ่นสวยเพรียว รักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
รัตตินันท์คลินิก (Rattinan Clinic)
รัตตินันท์คลินิก (Rattinan Clinic) เป็นคลินิกที่ให้บริการผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก (bariatric surgery) นำทีมโดยน.อ นพ.ปณต ยิ้มเจริญ ศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญพิเศษด้านศัลยศาสตร์ส่องกล้อง ศัลยศาสตร์ทางเดินอาหารและผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักจากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชและโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีประสบการณ์ด้านการผ่าตัดกระเพาะมายาวนานกว่า 30 ปี รวมถึงได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองคุณวุฒิจากสหรัฐอเมริกา นายแพทย์ปณต พร้อมด้วยทีมแพทย์ประจำคลินิกและนักโภชนากรกว่า 10 ท่านทำหน้าที่ดูแลและให้คำปรึกษาผู้ป่วยตลอดระยะเวลา 1 ปีภายหลังทำการรักษา นอกจากนี้ยังรับหน้าที่แพทย์สอนผ่าตัดกระเพาะอาหารให้กับแพทย์ท่านอื่นๆ ทั่วภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย
ถึงแม้ว่า การผ่าตัดกระเพาะลดความอ้วน จะไม่นับว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ก็ตาม แต่ก็อาจจะเกิดความเสี่ยงกับคนไข้ได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งจากประสบการณ์ของ นายแพทย์ปณต ที่มีเคสผ่าตัดกระเพาะกว่า 300 ครั้ง/ปี และสำเร็จทุกเคสนั้น ท่านจะมีเทคนิคเฉพาะ ที่เรียกว่า Double Lock คือการเย็บกระเพาะสองชั้นเพื่อป้องกันการรั่วหรือการขยายออกของกระเพาะในอนาคต ซึ่งมีที่รัตตินันท์คลินิกเพียงที่เดียว
และด้วยความเชื่อมั่นในทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การรักษาที่เห็นผลที่ชัดเจน บวกกับการรักษาในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานแล้ว ทำให้รัตตินันท์คลินิก ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ มีชาวต่างชาติเดินทางมาเข้ารับการรักษาและขอคำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง
ทำไมต้องผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนัก ที่รัตตินันท์คลินิก (Rattinan Clinic)
1. ได้รับคำแนะนำ และคำปรึกษา จากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
2. ได้รับการผ่าตัดโดยตรงจากทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหาร และการผ่าตัดโรคอ้วนจากสหรัฐอเมริกา
3. ใช้เทคนิค Double Lock เพิ่มความปลอดภัยให้คนไข้มากขึ้น ซึ่งเป็นเทคนิคของ นพ.ปณต มีที่รัตตินันท์คลินิกเพียงที่เดียว
4. ได้รับการดูแลหลังการผ่าตัดจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมโรคอ้วน และเบาหวานโดยตรง
5. ทำการผ่าตัดในโรงพยาบาลชั้นนำ ในเครือ BDMS ที่ได้รับมาตรฐานในระดับสากล
6. มีการติดตามผลและดูแลหลังการผ่าตัดนานถึง 1 ปี
7. มีเคสผ่าตัดกระเพาะ กว่า 300 ครั้ง/ปี ซึ่งที่ผ่านมา การผ่าตัดกระเพาะลดน้ำหนักสำเร็จทุกเคส
8. รัตตินันท์คลินิกมีมาตรฐานในการรักษาที่สามารถเชื่อถือได้ และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยมีชาวต่างชาติเดินทางมาเข้ารับการรักษา และขอคำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง
สนใจติดต่อสอบถาม ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
รัตตินันท์คลินิก อาคารสิทธิวรกิจ (The Fifith) ชั้นที่ 12 A ถนนสีลม ซอย 3
เวลาให้บริการ : จันทร์ ถึง เสาร์ เวลา 10.00 น. – 20.00 น., หยุดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เว็บไซต์ : www.rattinan.com
แอดไลน์ : @rattinanclinic
FB : facebook.com/rattinanclinic
เบอร์โทรศัพท์: 086 570 7040 , 086 323 4040
PHAYATHAI Hospital
โรงพยาบาลพญาไท ให้การบริการด้วยความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง บริการที่เป็นเลิศ ภายใต้ปรัชญาการบริหาร ด้วยการเน้นหนักความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ โดยการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาของผู้ป่วยโรคอ้วน ให้บริการผ่าตัดแบบส่องกล้อง จะมีวิธีการผ่าตัดอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ การผ่าตัดกระเพาะด้านบนให้มีขนาดเล็ก (Gastric Bypass) ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง พักฟื้น 3 วัน และการผ่าตัดกระเพาะให้มีรูปร่างคล้ายกล้วยหอม (Sleeve Gastrectomy) วิธีนี้จะใช้การพักฟื้น 3 วันเช่นกัน โดยแพทย์จะต้องวิเคราะห์และพูดคุยกับผู้รับการรักษาก่อน เพื่อเลือกวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุด และหลังจากการผ่าตัดแล้วผู้เข้ารับการรักษาต้องปฏิบัติตามกฎเหล็ก 4 ข้อ คือ ถ้าไม่รู้สึกหิวก็ต้องไม่กิน, ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีพลังงานสูง, ออกกำลังกายวันละ 30 นาทีต่อเนื่องทุกวัน และห้ามดื่มน้ำพร้อมมื้ออาหาร เป็นการเว้นระยะเวลาให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานที่สุด อย่างน้อย 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง จึงจะดื่มน้ำได้ เพื่อให้รู้สึกอิ่มได้นาน
ชื่อคลินิก : PHAYATHAI Hospital
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.phyathai.com
โทรศัพท์ : 1772
Praram 9 Hospital
โรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นโรงพยาบาลที่มีความพร้อมในการให้การรักษาพยาบาลด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะ และมีการให้บริการด้านศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในประเทศไทยที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในปัจจุบัน คือเครื่อง CT Scan 640 Slice ที่สามารถสร้างภาพ 640 ภาพ ต่อการหมุนของหลอดเอกซเรย์ 1 รอบ ช่วยให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจ ได้ผลตรวจถูกต้องแม่นยำ ซึ่งที่นี่มีชื่อเสียงและมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการทำหัตถการผ่าตัดแผลเล็กค่ะ ในส่วนของการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ที่โรงพยาบาลพระรามเก้าใช้การผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งเป็นการผ่าตัดแผลเล็กด้วยเทคโนโลยี 4K ทำให้ฟื้นตัวไว ไม่แผลใหญ่ค่ะ และก่อนผ่าตัดจะต้องปรึกษาและประเมินสุขภาพกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับทราบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนทุกครั้ง
ชื่อคลินิก : Praram9 Hospital
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.praram9.com
Line@ : @praram9hospital
Kamol Hospital
โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล เป็นโรงพยาบาลชั้นนำด้านการศัลยกรรมตกแต่งของประเทศไทย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก JCI สหรัฐอเมริกา ให้การดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยทีมแพทย์ประสบการณ์สูง พร้อมใช้เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่มีมาตรฐานระดับโลก สำหรับการดูแลก่อนผ่าตัดที่โรงพยาบาลกมลก็จะออกแบบให้เหมาะกับผู้เข้ารับการรักษาที่มีประวัติทางการแพทย์แตกต่างกัน ใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอน รวมถึงการดูแลหลังการผ่าตัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
ในส่วนของศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร เพื่อรักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery) ที่โรงพยาบาลกมลจะใช้วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง ทำให้เกิดแผลที่ท้องเพียงเล็กน้อย เทคนิคการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารที่ให้บริการ คือ วิธีของ Gastric Bypass เป็นวิธีที่ช่วยให้ลดน้ำหนักได้มากและยาวนานที่สุด รวมทั้งยังทำให้โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และไขมันในหลอดเลือดสูงที่เป็นร่วมกับโรคอ้วนหายได้ แต่ก็อาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลเซี่ยม ขาดธาตุเหล็ก หรือขาดวิตามิน และมีความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนได้ แต่ภาวะแทรกซ้อนอาจน้อยลงหากการทำผ่าตัดลดน้ำหนักในสถานพยาบาล หรือศูนย์ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีการติดตามผู้ป่วยหลังผ่าตัดสม่ำเสมอ หลังการผ่าตัดจะต้องอยู่โรงพยาบาลประมาณ 3 วันจนแน่ใจว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อน และไม่ต้องรับยาแก้ปวด
ชื่อคลินิก : Kamol Hospital
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.kamolhospital.com
Line@ : @kamolhospital
คลินิกรักษาโรคอ้วนครบวงจร โรงพยาบาลรามาธิบดี
โรงพยาบาลรามาธิบดี มีศูนย์รักษาโรคอ้วนโดยเฉพาะ นั่นก็คือคลินิกรักษาโรคอ้วนครบวงจรค่ะ โดยก่อนเข้ารับการผ่าตัด จะมีการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดก่อน เมื่อตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด ศัลยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าควรใช้การผ่าตัดรูปแบบใด และนอกจากนี้ทีมแพทย์ต้องประเมินและควบคุมโรคร่วมที่คนไข้มีให้มีความเสี่ยงต่ำที่สุด หลังจากการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดความอ้วน จะต้องเน้นกินโปรตีน คาร์โบไฮเดรตที่เป็นไฟเบอร์มาก ๆ เนื่องจากดูดซึมยากกว่า เช่น ผักต่าง ๆ กินไขมันให้น้อย กินวิตามินและออกกำลังกายตามที่แพทย์แนะนำ รวมทั้งมาพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
ชื่อคลินิก : คลินิกรักษาโรคอ้วนครบวงจร โรงพยาบาลรามาธิบดี
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : med.mahidol.ac.th
Bangpakok 9 International Hospital
โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ในเครือของโรงพยาบาลบางปะกอก มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพจากองค์กร JCI และ HA ซึ่งการรักษาโรคอ้วนที่โรงพยาบาลบางปะกอก จะให้การรักษาด้วยวิธีใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารที่จะทำให้รู้สึกอิ่มตลอดเวลา และทานอาหารได้น้อยลงกว่าเดิม มีภาวะแทรกซ้อนน้อย และสามารถลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 20 – 30 กิโลกรัมต่อปี แต่ก่อนการรักษาจะต้องมีการประเมินก่อนว่าเข้าเกณฑ์บ่งชี้ในการผ่าตัดหรือไม่
ชื่อคลินิก : Bangpakok 9 International Hospital
ประเภทการบริการ : ใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Gastric Balloon)
ช่องทางการติดต่อ : www.bangpakokhospital.com
Bumrungrad Hospital
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ประกอบด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา มีการรักษาแบบบูรณาการที่มีคุณภาพ ให้การดูแลรักษาสุขภาพแบบครบวงจร โดยแพทย์ส่วนใหญ่ได้รับวุฒิบัตรในระดับสากลจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ ในส่วนของการการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนัก ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์จะใช้วิธีการรักษาแบบ Laparoscopic Gastric Bypass เพื่อลดขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลง ช่วยจำกัดปริมาณอาหารที่รับประทาน ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ใช้การผ่าตัดผ่านกล้อง ขั้นตอนการผ่าตัดคือจะมีการเย็บส่วนของกระเพาะอาหารให้มีขนาดประมาณ 15 – 30 มิลลิลิตร จากนั้นจึงนำมาต่อเข้ากับลำไส้เล็ก จะมีรอยแผลผ่าเล็ก ๆ ที่หน้าท้องประมาณ 5 รอย ขนาดประมาณ 0.5 – 2 ซม. จะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย
ชื่อคลินิก : Bumrungrad Hospital
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.bumrungrad.com
คลินิกผ่าตัดรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลศิริราช
ในปัจจุบันนี้การรักษาโรคอ้วนมีหลายวิธี อาทิเช่น การออกกำลังกาย, การรักษาด้วยยา, การควบคุมอาหาร ซึ่งวิธีในการรักษาโรคอ้วนที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด คือการรักษาโดยการผ่าตัดกระเพาะ เพื่อลดขนาดกระเพาะให้เล็กลง ใช้วิธีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic surgery) ที่จะทำให้เจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวเร็ว นอนโรงพยาบาลสั้น สำหรับการผ่าตัดกระเพาะ เพื่อรักษาโรคอ้วนที่โรงพยาบาลศิริราชจะมีเกณฑ์การรับผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัด อ้างอิงตาม National Instates of Health ปี 1991 ได้แก่ เป็นผู้ป่วยโรคอ้วนที่มี BMI มากกว่า 40 kg/m2, ผู้ป่วยโรคอ้วนที่มี BMI 35-40 kg/m2 และมีโรคประจำตัวได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวานชนิดที่ 2 ไขมันในเลือดสูง โรคหยุดหายในขณะหลับ โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคข้อเสื่อม เป็นต้น และผู้ป่วยโรคอ้วนที่มีอายุระหว่าง 18 – 70 ปี เป็นต้น โดยการผ่าตัดลดความอ้วน จะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีโอกาสที่มีชีวิตยืนยาวขึ้น และโรคประจำตัวต่าง ๆ ลดลงจนอาจจะหายขาดได้
ชื่อคลินิก : คลินิกผ่าตัดรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลศิริราช
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.si.mahidol.ac.th/sirirajhospital/
Samitivej Hospital
โรงพยาบาลสมิติเวช เป็นโรงพยาบาลที่ให้การักษาผู้ป่วยด้วยมาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากลและเป็นที่ยอมรับโดย สถาบัน JCI ซึ่งให้การดูแลรักษาด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ และทีมบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นอย่างดี สำหรับการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนักที่โรงพยาบาลสมิติเวชจะทำได้ ก็เมื่อมีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงกว่า 40, มีดัชนีมวลกายระหว่าง 35-40 และมีปัญหาสุขภาพที่สามารถแก้ไขหรือบรรเทาได้หากน้ำหนักลดลง หลังการผ่าตัดอาจมีความเสี่ยงบ้าง ก่อนการผ่าตัดจะมีการตรวจร่างกายก่อนว่าพร้อมหรือไม่ และหลังจากการผ่าตัดเพื่อลดน้ำหนัก ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร เข้าพบแพทย์และทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อติดตามผลอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี
ชื่อคลินิก : Samitivej Hospital
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.samitivejhospitals.com
Bangkok Hospital (ศูนย์ผ่าตัดและรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลกรุงเทพ)
โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นผู้ให้บริการทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทย ที่ได้รับความไว้วางใจมากว่า 48 ปี มั่นใจคุณภาพและความปลอดภัยได้ด้วยมาตรฐานรับรองจากสถาบัน JCI ซึ่งเป็นองค์กรกำกับมาตรฐานด้านการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก สำหรับการผ่าตัดกระเพาะอาหารที่โรงพยาบาลกรุงเทพ จะเป็นการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหาร ทำให้ร่างกายนำไขมันส่วนเกินสลายไปเป็นพลังงาน ซึ่งจะใช้หลักการว่า 6 เดือนหลังการผ่าตัด น้ำหนักของผู้เข้ารับการรักษาจะลดไปถึงจุดที่ควรจะเป็น การดูแลเป็นแบบองค์รวมซึ่งจะใช้ทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา เพื่อการดูแลอย่างดีที่สุด โดยก่อนการผ่าตัดจะต้องมีการประเมินและตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
ชื่อคลินิก : Bangkok Hospital (ศูนย์ผ่าตัดและรักษาโรคอ้วน โรงพยาบาลกรุงเทพ)
ประเภทการบริการ : ศัลยกรรมผ่าตัดกระเพาะอาหาร รักษาโรคอ้วน (Bariatric Surgery)
ช่องทางการติดต่อ : www.bangkokhospital.com
เพื่อการลดน้ำหนักให้ได้ผล สิ่งสำคัญเลยก็คือต้องปรับพฤติกรรมการกิน ให้ทานแต่ของที่มีประโยชน์ ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าหากพบว่าทำทุกอย่างแล้วไม่สามารถลดน้ำหนักได้ การผ่าตัดกระเพาะอาหารก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษา สำหรับผู้ที่เผชิญปัญหาภาวะโรคอ้วน และอยู่ในเกณฑ์บ่งชี้ที่แพทย์ได้แจ้งไว้
ซึ่งเพื่อให้การรักษามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด ผู้ที่สนใจเข้ารับการผ่าตัดต้องปรึกษาและตรวจประเมินสุขภาพอย่างละเอียดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีคุณภาพมาตรฐานเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อความสวยหุ่นดี สุขภาพดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างปลอดภัย หวังว่าข้อมูลที่นำมาแนะนำนี้จะมีประโยชน์ในการพิจารณาเลือกคลินิก โรงพยาบาลสำหรับผู้ที่สนใจทุกท่านนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ